02 ก.ย. 2561 | เปิดอ่าน 16,527
ความจริงแล้วร้อยไหม คืออะไร
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เลยนะคะ ว่าการร้อยไหมกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่คนรักความสวยความงาม และคนที่กลัวความแก่ ร้อยไหมเริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 2554 และคนไทยเริ่มรู้จักกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ชาติแรกที่คิดค้นจะเป็นใครไม่ได้ เขาคือผู้นำเทรนอย่างประเทศเกาหลีนี่เองค่ะ ก่อนหน้านี้การร้อยไหมมีขึ้นมานานมากแล้ว แต่เป็นการร้อยไหมด้วยทองคำ ซึ่งราคาจะสูงมาก และถึงจะแพงสุดท้ายก็ไม่ตอบโจทย์อยู่ดี เพราะการร้อยไหมด้วยทองคำจะมีโลหะอยู่บนใบหน้า ร่างกายของเราก็อาจจะเกิดการต่อต้านได้ค่ะ หลังจากนั้นทางเกาหลีจึงได้คิดค้นการร้อยไหมละลายขึ้นมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเพราะราคาไม่แพง และยังสลายได้หมดอีกด้วย ที่สำคัญการร้อยไหมละลายเห็นผลชัดและเร็วมากค่ะ
ใครควรร้อยไหม
ใครบ้างที่ควรร้อยไหม หลายคนถามหมอตลอดว่า หมอคะหนูต้องร้อยไหมมั้ยคะ หมอคะหน้าหนูถึงเวลาร้อยไหมหรือยัง สำหรับคนที่ควรร้อยไหม ขอแบ่งเป็นเคสๆ อาทิ คนที่ต้องการหน้าเรียว ต้องการยกกระชับหน้า ต้องการกรอบหน้าชัด ลดริ้วรอย ยกร่องแก้ม ยกมุมปาก หรือปรับรูปหน้า และคนที่หน้าหย่อนคล้อย หรือต้องการเพิ่มความแข็งแรงของชั้นผิวบนใบหน้า สำหรับเคสเหล่านี้สมควรเข้ารับการร้อยไหมเป็นอย่างมากค่ะ หากใครสนใจสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำได้ที่ลอร่าคลินิก ที่นี่ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
2. งดสูบบุหรี่ก่อนร้อยไหม 1 สัปดาห์
3. งดวิตามินที่มีผลต่อเลือด ล่วงหน้า 1 สัปดาห์
4. ไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
5. หากมีโรคประจำตัวโปรดแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า
การปฏิบัติตัวหลังการร้อยไหม
1. งดรับประทานยามราใรผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันตับปลา วิตามิน อาหารเสริมบางชนิด 1 สัปดาห์
2. งดทำทรีทเมนท์ นวดหน้า เลเซอร์ 2 สัปดาห์
3. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
4. นัดดูอาการ 2 สัปดาห์
ภายในระยะเวลา 1 เดือน ใบหน้าจะดูใสขึ้น และภายใน 3 เดือน ใบหน้าจะกระชับขึ้นค่ะ
ร้อยไหมมีสองประเภท
1. ร้อยไหมเกลียว เป็นไหมละลายที่มีลักษณะเป็นขดเกลียว เป็นการพัฒนามาจากไหมแบบเก่าที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง แต่ข้อดีของไหมเกลียวนั้น การขดของไหมทำให้เกิดการสร้างแรงดึงที่มากขึ้นทำให้ไหมยกใบหน้าได้ดีมากกว่าเดิมค่ะ การร้อยไหมเกลียวนั้นจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 6 เดือน จากนั้นผลการรักษาจะคงอยู่ต่อประมาณอีก 2 ปี แต่ถ้าภายในระยะเวลาที่รับบริการ ผู้รับบริการเกิดมีปัญหาบนใบหน้าเพิ่มเติมสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพิ่มได้ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ และวางแผนในการดูแลเพิ่มเติม ได้ตั้งแต่ระยะเวลาสามเดือนแรกเลยนะคะ สำหรับปริมาณที่เห็นผลในการร้อยไหม จะอยู่ที่ประมาณ60 เส้น/ครั้ง ขึ้นไปค่ะ
2. ร้อยไหมสปริง
ไหมสปริงเทรนด์ฮิตของการยกกระชับ เป็นไหมเส้นใหญ่ต่างจากไหมเกลียว มีลักษณะเป็นเงี่ยงเพื่อสามารถล็อคชั้นผิวเพื่อยึดแล้วดึงขึ้น โดยใช้แรงดึงจากไหม การร้อยไหมสปริง หรือร้อยไหมเงี่ยงนั้นเหมาะกับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยมาก และอายุค่อนข้างมากแล้ว เมื่ออายุมากขึ้น การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเองก็จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ไหมสปริงจึงนิยมใช้กับผู้ที่มีปัญหาบนใบหน้ามาก หรือต้องการหน้าเรียวมากๆ จึงใช้การร้อยไหมประเภทนี้ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณถึง 2 ปีเช่นกัน และครั้งหนึ่งร้อยไหมสปริงได้ตั้งแต่ 6-20 เส้น ขึ้นอยู่กับปัญหาที่มากหรือน้อยของผู้มารับบริการ
บทสรุปของการร้อยไหม
ร้อยไหมเกลียว เป็นไหมเส้นเล็กเน้นยกกระชับโดยการกระตุ้นคอลลาเจนของตัวเอง ร้อยไหมสปริง เป็นไหมเส้นใหญ่ที่มีเงี่ยง เน้นใช้ดึงโดยเงี่ยงของไหมเส้นใหญ่ ที่แรงดึงสูงกว่าไหมเกลียว และไหมทั้งสองชนิดสามารถทำคู่กันแถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์เห็นชัดขึ้นอีกด้วยค่ะ